แก๊งหลอกลงทุน FOX Wallet ปลอม รวบยกแก๊ง 8 ราย ทั้งจีนดำ ไทยดำ ยึดทรัพย์กว่า 3 ล้านบาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา
- นายหวังฯ สัญชาติจีน อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2087/2568 24 มีนาคม 2568
- นายอภิสิทธิ์ฯ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2082/2568 24 มี.ค.2568
- นายสราวุธฯ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2085/2568 24 มี.ค.2568
- นายปฏิภาณฯ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2086/2568 24 มี.ค.2568
- นายชนินทร์ฯ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2075/2568 24 มี.ค.2568
- นายจำรัสฯ อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2080/2568 24 มี.ค.2568
- นางกาญจนีฯ อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2079/2568 24 มี.ค.2568
- นางไพรรินทร์ฯ อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2076/2568 24 มี.ค.2568
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น,โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั่งยี่”
พร้อมตรวจยึดของกลาง รถยนต์ จำนวน 2 คัน
เนื่องจากเมื่อเดือนมีนาคม 2568 ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความที่ บก.ปอท. ว่า ได้รู้จักกับผู้ใช้ Tiktok ซึ่งจะโพสต์ไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา และอ้างว่าเป็นนักเทรด (จากการตรวจสอบพบว่าเป็นโปรไฟล์ปลอม) และได้แอด LINE เพื่อพูดคุยกัน โดยคนร้ายได้ชักชวนให้ลงทุนเทรดคริปโตฯ ผ่านแพลตฟอร์ม โดยในช่วงแรก ผู้เสียหายลงทุนหลักพัน-หลักหมื่นบาท พบว่าสามารถถอนเงินได้จริง โดยได้ผลตอบแทนประมาณ 10-20% จากนั้นได้ถูกชักชวนให้ลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็น 30-50% เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินลงทุนเพิ่มขึ้น พบว่าไม่สามารถถอนเงินได้
เมื่อติดต่อแอดมิน พบว่า ให้โอนเงินเพิ่มเพื่อปลดล็อกยอดเงิน กระทั่งผู้เสียหายไม่มีเงินที่จะโอนอีก และไม่สามารถถอนได้ จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกและได้เข้าแจ้งความที่ บก.ปอท. รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1.8 ล้านบาท
การสืบสวนพบว่า มีการโอนเงินไปยังบัญชีม้าจำนวนหลายบัญชี และมีการฟอกเงินต่อหลายรูปแบบ ทั้งกดเงินสดจากบัญชีม้าทันทีในพื้นที่จังหวัดพะเยา, มีการฟอกเงินผ่านวอลเลตและคริปโตฯ รวมทั้งมีการนำเงินที่ได้ไปซื้อรถหรู จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาล และติดตามจับกุมผู้ต้องหา ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งขบวนการรวม 8 ราย ดังนี้
- นายหวัง อายุ 45 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเป็นผู้รับผลประโยชน์ พร้อมยึดรถยนต์ จำนวน 2 คัน มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท โดยจับกุมได้ที่บ้านพักในพื้นที่ จ.นนทบุรี และยึดรถยนต์จำนวน 2 คัน
- นายอภิสิทธิ์ฯ อายุ 22 ปี ทำหน้าที่ในการหาบัญชีม้า, ฟอกเงินผ่านวอลเลตและถอนเงินสด โดยจับกุมได้ที่โรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่
- นายปฏิภาณฯ อายุ 31 ปี ทำหน้าที่ในการกดเงินสด
- นายสราวุธฯ อายุ 19 ปี ทำหน้าที่ในการกดเงินสดให้คนสัญชาติชาวลาว โดยจับกุมได้ที่บ้านพักใน อ.ภูซาง จ.พะเยา
- นายชนินทร์ฯ อายุ 39 ปี
- นายจำรัสฯ อายุ 51 ปี
- นางกาญจนีฯ อายุ 62 ปี
- นางไพรรินทร์ฯ อายุ 48 ปี
ทำหน้าที่เป็นบัญชีม้าที่รับโอนเงินจากผู้เสียหาย โดยจับกุมได้ในพื้นที่ จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่
นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ ได้สืบสวนขยายผลเพื่อออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น นายหวัง ชาวจีน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่ารถที่ซื้อ เป็นเงินที่เพื่อนชาวจีนอีกคนโอนมาซื้อให้นายอภิสิทธิ์ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่า ได้ค่าจ้างวันละ 2,000 บาท ในการหาบัญชีม้า และโยกเงินจากวอลเลตไปยังบัญชีของตน เพื่อกดเงินสด จากนั้นจะมีคนมารับเงินต่อไป
นายปฏิภาณฯ และ นายสราวุธฯ คนกดเงินสดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าได้รับจ้างจากคนลาวเพื่อกด ATM และนำเงินสดที่กดได้ส่งต่อให้คนลาว เพื่อนำข้ามไปส่งที่ร้านแลกเงินฝั่งลาวต่อไป
นายชนินทร์ฯ, นายจำรัสฯ, นางกาญจนีฯ และ นางไพรรินทร์ฯ บัญชีม้า ให้การรับสารภาพว่าได้รับจ้างเปิดบัญชีม้าจริง โดยได้รับค่าจ้างคนละ 2,000-10,000 บาท