รวบ 18 มงกุฎ ปลอมเฟซบุ๊กเป็นผู้ว่ายะลา หลอกยืมเงิน
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายประกอบฯ อายุ 38 ปี
- หมายจับศาลจังหวัดยะลา ที่ 107/2560 ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2560 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันใช้บัตรอิเลคทรอนิคโดยมิชอบเป็นเหตุให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย”
- หมายจับศาลจังหวัดพัทลุง ที่ 76/2560 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 ฐานความผิด “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
- หมายจับศาลจังหวัดพัทลุง ที่ จ.32/2563 ลงวันที่ 23 มกราคม 2563 ฐานความผิด “ฉ้อโกงทรัพย์”
เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าผู้ต้องหารายนี้มีหมายจับหลายคดี โดย คดีที่ 1 เมื่อประมาณ 2 มิ.ย.2559 พนักงานสอบสวน สภ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายนี้ว่ามีบุคคลอ้างตนว่าเป็น ส.ส.พรรคหนึ่ง ในจังหวัดพัทลุง มีการปลอมชื่อและรูปโปรไฟล์เฟซบุ๊กเพื่อหลอกขอสนับสนุนเงินซื้อเสื้อกีฬา
ซึ่งผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ไปจำนวน 3,500 บาท จากนั้นเมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นการสร้างเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมา จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนดำเนินคดี เมื่อทำการสืบสวนพบว่าบุคคลดังกล่าวคือนายประกอบฯ ผู้ต้องหารายนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอศาลจังหวัดพัทลุงออกหมายจับ แต่ผู้ต้องหาไหวตัวทันหลบหนีไปอาศัยกับญาติที่ต่างจังหวัด
ขณะที่ คดีที่ 2 เหตุเมื่อวันที่ 2 พ.ค.2560 ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดยะลา ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองยะลา ว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊กใช้ภาพโปรไฟล์เฟซบุ๊กของผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ทักมาขอยืมเงิน 30,000 บาท ขณะนั้นตนเห็นว่าเป็นผู้บังคับบัญชา จึงให้ผู้ช่วยโอนเงินให้จำนวน 30,000 บาท ต่อมาได้ตรวจสอบพบว่าไม่ใช่ผู้ว่าฯตัวจริง จึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดี จากการสืบสวนพบว่าบุคคลที่ใช้บัญชีและเฟซบุ๊กปลอมดังกล่าวคือนายประกอบ ฯ ผู้ต้องหานี้ จึงได้ขออนุมัติศาลจังหวัดยะลาออกหมายจับ
คดีที่ 3 เมื่อประมาณ เดือนธันวาคม 2563 ผู้ต้องหานี้อ้างตัวเป็นเพื่อนสามีของผู้เสียหายโทรศัพท์ผ่านโปรแกรมแชทของเฟซบุ๊กหลอกขอยืมเงินจำนวน 6,200 บาท เมื่อโอนเงินเสร็จแล้ว ผู้เสียหายหาสอบถามสามีพบว่าเพื่อนคนดังกล่าวไม่ได้เล่นเฟซบุ๊ก จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว จังหวัดพัทลุง ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานเชื่อได้ว่าผู้ต้องหานี้คือบุคคลที่โทรมาหลอกให้โอนเงิน จึงขออนุมัติศาลจังหวัดพัทลุงออกหมายจับผู้ต้องหานี้
หลังจากเกิดเหตุผู้ต้องหานี้ได้หลบหนีเรื่อยมามีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ว่านายประกอบฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับข้างต้น น่าจะหลบหนีมาพักอาศัยกับภรรยาที่ อ.รัตภูมิ จังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. จึงได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามที่ได้รับการประสานงานมาและได้ให้สายลับเฝ้าตรวจสอบในพื้นที่ กระทั่งพบนายประกอบฯพักอาศัยอยู่ในกระท่อมแห่งหนึ่งในสวนยางพารา ใน ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. จึงได้เข้าตรวจสอบ เมื่อเข้าใกล้พื้นที่ตามที่ได้รับแจ้งพบว่ามีบุคคลคล้ายผู้ต้องหาได้วิ่งหนีออกจากกระท่อม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วิ่งติดตาม จนสามารถควบคุมตัวไว้ได้ ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิผู้ต้องหาให้ทราบ จากนั้นได้ควบคุมตัวไปทำบันทึกจับกุมที่ สภ.รัตภูมิ จ.สงขลา เมื่อตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่ายังมีหมายจับที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่อีก 2 หมายจับ จึงได้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โดยผู้ต้องหาได้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ตามรายละเอียดข้างต้น ว่าได้สร้างเฟซบุ๊กปลอม ใช้ชื่อ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ส.ส.จังหวัดพัทลุง และ บุคคลอื่นๆ อีกหลายคน เพื่อหลอกให้เหยื่อโอนเงินให้นำไปเสพยาเสพติดและใช้จ่าย
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพได้กระทำความผิดจริงตลอดข้อกล่าวหาตามหมายจับ