รวบแก๊งหลอกเช่ารถยนต์ กว่า 24 คัน ตัด GPS ส่งขายต่างประเทศ
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงใน สังกัด กก.2 บก.ทล. เปิดปฏิบัติการจับกุม Fast Fraud Furious ล่า Young Mastermind ขบวนการใช้อุบายติดต่อหาเช่ารถจากบริษัทนิติบุคคลต่างๆ
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา รวมทั้งสิ้นจำนวน 4 ราย โดยแต่ละคนมีหน้าที่ ดังนี้
- นายภัทรจารินทร์ (สงวนนามสกุล) นามแฝง นายแจ็ค (ทราบชื่อเล่นภายหลังว่าชื่อว่า ยิ้ม) ทำหน้าที่ติดต่อใช้อุบายขอเช่ารถจากบริษัทต่าง ๆ และได้เป็น Master Mind ของขบวนการลักทรัพย์กลอุบาย
- น.ส.มนัญชยา (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ สร้างความน่าเชื่อถือเป็นบริษัทนิติบุคคล มอบอำนาจเพื่อทำสัญญาเช่ารถ และรับมอบรถยนต์
- น.ส.พรพรรณ (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่ เป็นผู้รับมอบอำนาจจากนิติบุคคล และทำนิติกรรมสัญญาขอเช่ารถจากผู้เสียหาย และรับมอบรถยนต์
- น.ส.นวรัตน์ (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่ เป็นผู้ชำระเงินค่าเช่ารถล่วงหน้าให้ผู้เสียหาย(ฝากเงินผ่านเคาเตอร์ธนาคาร เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยรับเงินสดจากผู้ต้องหาหมายเลข 1 (นายภัทรจารินทร์ฯ หรือนายยิ้ม)
ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย”
เนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 68 ได้มีผู้เสียหาย มาแจ้งความว่า มี นายแจ็ค(ชายไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ได้ติดเข้ามาหาผู้เสียหาย และ ได้อ้างว่าตนเป็นพนักงานของ นิติบุคคลแห่งหนึ่ง ย่านลำผักชี (บริษัท เอ็ม วาย เอ็น คิทเช่น 2043 จำกัด) และได้ใช้อุบาย อ้างกับผู้เสียหายว่า ทางนิติบุคคลดังกล่าวต้องการที่จะเช่ารถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก จำนวน 6 คัน โดยเช่าเป็นระยะเวลา 5 ปี และตกลงค่าเช่ากันที่เดือนละ 19,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ต้องชำระเงินค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน และได้มีการพาผู้เสียหายเข้าไปดูที่ตั้งและสถานที่ประกอบการของ นิติบุคคลดังกล่าว
โดยแอบอ้างว่าเป็นบริษัทที่กระทำการเกี่ยวกับการชำแหละเนื้อสัตว์ปีก และต้องการใช้รถกระบะเป็นยานพาหนะในการขนย้ายและส่งสินค้าไปยังผู้ประกอบการต่าง ๆ โดยบริษัทดังกล่าวได้ตั้งอยู่ที่พื้นที่ สน.ลำผักชี โดยมีนางสาวพรพรรณฯ หรือต่ายแสดงตนเป็นผู้รับมอบอำนาจจากนิติบุคคลดังกล่าว เป็นผู้ทำสัญญาเช่า และชำระค่าเช่ารถทั้ง 6 คันล่วงหน้า
จนวันที่ 27 ม.ค.68 ได้มีการนัดส่งมอบ รถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก (รถกระบะ) จำนวน 6 คัน กันที่โรงงานของบริษัท เอ็ม วาย เอ็น คิทเช่น 2043 จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมบึงโคล่ แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร และต่อมาวันที่ 29 ม.ค.68 ทางผู้เสียหายได้ตรวจสอบระบบนำทาง (GPS) ของรถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก จำนวน 6 คันพบว่า ได้มีการถอดระบบนำทาง (GPS) ของรถยนต์ ทั้ง 6 คัน ออกทันทีหลังรับมอบรถยนต์ และเมื่อผู้เสียหายติดต่อไปยังนิติบุคคลดังกล่าวก็บ่ายเบี่ยงและไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายจึงเดินทางมาขอความช่วยเหลือจาก จนท.ตำรวจทางหลวงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
จากการสืบสวนของ เจ้าหน้าที่ ตำรวจ กก.2 บก.ทล. ยังพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้มีการใช้อุบายในการหลอกลวงเช่ารถยนต์ โดยมีลักษณะแผนประทุษกรรม รูปแบบเดียวกัน หลอกลวงผู้เสียหายอีก 4 ราย รวมทั้งสิ้น จำนวน 24 คัน ในพื้นที่ สน.ลำผักชีเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 คัน สน.ทองหล่อ จำนวน 4 คัน สน.พหลโยธิน จำนวน 2 คัน และ พื้นที่ สน.มักกะสัน จำนวน 10 คัน แต่ในส่วนของพื้นที่ สน.มักกะสัน จำนวน 10 คัน เจ้าหน้าที่ ตำรวจ กก.2 บก.ทล. ได้สืบสวนจนทราบว่าได้มีการหลอกลวงและยังไม่มีการส่งมอบ จึงได้มีการติดต่อผู้เสียหาย และยับยั้งความเสียหายไว้ได้ทันท่วงที
ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาได้สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ทำการใช้กลอุบายในการลักทรัพย์ไปทั้งสิ้น 24 คัน ซึ่งสามารถลักทรัพย์สำเร็จไปทั้งสิ้น 14 คัน มูลค่าความเสียหายประมาณ 12 ล้านบาท ในส่วนที่เหลืออีก 10 คัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ทล. สามารถเข้าแจ้งเตือนต่อผู้เสียหายที่กำลังจะส่งมอบได้ทันเวลา จึงสามารถยับยั้งได้ทันเวลา