เร่งรัดให้สัญชาติไทย ลูกของคนต่างด้าว ที่อยู่ไทยมาเกิน 15 ปี
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติ และการสั่งให้คนที่เกิดในราชอาณาจักรไทย และไม่ได้รับสัญชาติไทย โดยมีบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป
โดยที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ ศ 2567 อนุมัติหลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัด การแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ โดยให้บุตรของ คนต่างด้าวที่เกิดในราชอาณาจักรไทยและไม่ได้รับสัญชาติไทย โดยมีบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ซึ่งบิดาหรือมารดาเป็นบุคคลที่ได้รับการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติไว้ในอดีตถึง ปี พ ศ 2542 และที่สำรวจเพิ่มเติมภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล ระหว่างปี พ ศ 2548 ถึงปี พ ศ 2554 และมีลักษณะตามเงื่อนไขที่กำหนดตามประกาศนี้ ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ ศ 2508 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ ศ 2551 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ ศ 2567 เรื่อง อนุมัติหลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและ สถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
[ข้อ 1] ประกาศฉบับนี้ให้มีผลใช้บังคับนับแต่วันที่ประกาศ และใช้บังคับเป็นระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ประกาศเป็นต้นไป เว้นแต่คณะรัฐมนตรีจะมีมติให้ขยายระยะเวลาตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ ศ 2567 ออกไป ให้ประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ตามระยะเวลาที่ขยายนั้น
ระหว่างที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ให้ระงับการใช้บังคับข้อ 2 ของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การสั่งให้คนที่เกิดในราชอาณาจักรและไม่ได้รับสัญชาติไทย โดยมีบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป และการให้สัญชาติไทยเป็นการเฉพาะราย ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ ศ 2559 ตลอดระยะเวลาที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ
[ข้อ 2] เด็กและบุคคลที่กำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ในสถาบันการศึกษาหรือสำเร็จการศึกษาแล้ว โดยบิดาหรือมารดาเป็นคนต่างด้าวอื่นที่ไม่ใช่ชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์ หรือไม่ปรากฏบิดามารดา หรือบิดามารดาทอดทิ้งตั้งแต่วัยเยาว์ รวมทั้งผู้ที่เกิดในราชอาณาจักรและไม่ได้รับสัญชาติไทย ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศจนเป็นที่ประจักษ์ ตามข้อ 3 และข้อ 4 ของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การสั่งให้คนที่เกิดในราชอาณาจักรและไม่ได้รับสัญชาติไทย โดยมีบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป และการให้สัญชาติไทยเป็นการเฉพาะราย ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 ให้ดำเนินการภายใต้เงื่อนไขและหลักเกณฑ์ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การสั่งให้คนที่เกิด ในราชอาณาจักรและไม่ได้รับสัญชาติไทย โดยมีบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป และการให้สัญชาติไทยเป็นการเฉพาะราย ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ ศ 2559
[ข้อ 3] บุตรของคนที่อพยพเข้ามาในราชอาณาจักรและอาศัยอยู่เป็นเวลานาน ครอบคลุม กลุ่มชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติไว้เดิมรับรองสถานะให้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักร อาทิ กลุ่มเวียดนามอพยพ อดีตทหารจีนคณะชาติ จีนฮ่ออพยพพลเรือน จีนฮ่ออิสระ ไทยลื้อ ผู้อพยพเชื้อสายไทยจากจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ผู้หลบหนีเชื้อสายไทยจากจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่าเชื้อสายไทย ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่า เนปาลอพยพ ชาวเขา บุคคลบนพื้นที่สูง หรือชุมชนบนพื้นที่สูง ลาวภูเขาอพยพ ม้งถ้ำกระบอก ผู้หลบหนีเข้าเมืองจากพม่า อดีตโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา ผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวกัมพูชา ชาวมอร์แกน รวมถึงบุตรของ คนที่อพยพเข้ามาในราชอาณาจักรและอาศัยอยู่เป็นเวลานานที่ได้รับการสำรวจจัดทำทะเบียนตาม ยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 18 มกราคม พ ศ 2548 ให้ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
(1) บิดาหรือมารดาเป็นบุคคลที่ได้รับการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติไว้ในอดีตจนถึง ปี พ ศ 2542 และที่สำรวจเพิ่มเติมภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล ระหว่างปี พ ศ 2548 – 2554 จะต้องได้รับการจัดทำทะเบียนประวัติ มีเลขประจำตัว 13 หลัก ตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร และต้องเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15 ปี นับถึงวันที่บุตรยื่นคำขอมีสัญชาติไทย
(2) มีหลักฐานแสดงว่าเกิดในราชอาณาจักร ได้แก่ สูติบัตร ทะเบียนการเกิด หนังสือรับรอง การเกิด (ท ร 20/1) หรือหนังสือรับรองสถานที่เกิด โดยมีชื่อและรายการบุคคลในทะเบียนบ้าน หรือทะเบียนประวัติตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร แล้วแต่กรณี
(3) ไม่ปรากฏหลักฐานการมีและใช้สัญชาติอื่น
(4) พูดและเข้าใจภาษาไทยกลาง หรือภาษาถิ่นที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในพื้นที่จังหวัดที่เป็น ภูมิลำเนาของผู้ขอ ยกเว้นเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 7 ปี คนพิการที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ทางการสื่อสาร ทางจิตใจ และทางพฤติกรรม
(5) มีความจงรักภักดีและเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข
(6) มีความประพฤติดี ไม่มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชนหรือความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ไม่เคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลให้จำคุกตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไป หากเคยได้รับโทษดังกล่าว ต้องพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันที่ยื่นคำขอ เว้นแต่โทษในคดียาเสพติดฐานเป็นผู้ค้าหรือผู้ผลิต ต้องพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี ยกเว้นสำหรับเด็กที่มีอายุไม่เกิน 18 ปีบริบูรณ์
ทั้งนี้ บุคคลตามวรรคหนึ่ง ที่มีความประสงค์จะยื่นคำขอมีสัญชาติไทยให้ยื่นคำขอโดยยืนยัน และรับรองตนเอง หรือผู้ที่ตนยื่นคำขอแทน ว่าเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในวรรคหนึ่ง (3) (4) (5) และ (6)
[ข้อ 4] ให้ผู้ดำรงตำแหน่งต่อไปนี้ เป็นผู้พิจารณาและสั่งให้ลงรายการสัญชาติไทย ในทะเบียนราษฎรของผู้ที่จะได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป ตามข้อ 3 ของประกาศนี้
(1) ผู้ยื่นคำขอมีสัญชาติไทยที่มีภูมิลำเนาตามทะเบียนราษฎรอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ผู้อำนวยการสำนักบริหารการทะเบียน เป็นผู้พิจารณาและสั่งให้ลงรายการสัญชาติไทยในทะเบียนราษฎร
(2) ผู้ยื่นคำขอมีสัญชาติไทยที่มีภูมิลำเนาตามทะเบียนราษฎรอยู่ในจังหวัดอื่นนอกเขต กรุงเทพมหานคร ให้นายอำเภอ เป็นผู้พิจารณาและสั่งให้ลงรายการสัญชาติไทยในทะเบียนราษฎร
(3) เมื่อมีเหตุจำเป็นหรือกรณีอื่นใดที่อธิบดีกรมการปกครองเห็นสมควร ให้อธิบดีกรมการปกครอง หรือผู้ที่อธิบดีกรมการปกครองแต่งตั้งให้ใช้อำนาจแทน เป็นผู้พิจารณาและสั่งให้ลงรายการสัญชาติไทย ในทะเบียนราษฎรทั่วราชอาณาจักร
ในกรณีผู้ขอมีสัญชาติไทยตามข้อ 3 มีลักษณะครบถ้วนตามเงื่อนไขก่อนหรือในวันที่มีประกาศนี้ ให้บุคคลนั้นได้สัญชาติไทยนับตั้งแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ สำหรับผู้ขอมีสัญชาติไทยที่มีลักษณะ ครบถ้วนตามเงื่อนไขหลังจากวันที่มีประกาศนี้ ให้บุคคลนั้นได้สัญชาติไทยนับตั้งแต่วันที่บุคคลตาม (1) หรือ (2) หรือ (3) มีคำสั่งให้ลงรายการสัญชาติไทยในทะเบียนราษฎร
[ข้อ 5] หลักเกณฑ์และวิธีการในการขอมีสัญชาติไทย การตรวจสอบลักษณะหรือเงื่อนไข ของผู้ขอมีสัญชาติไทย และแบบพิมพ์ที่ใช้เพื่อการปฏิบัติตามประกาศนี้ ให้เป็นไปตามที่อธิบดี กรมการปกครองประกาศกำหนด โดยให้กำหนดระยะเวลาดำเนินการแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจน ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการตรวจสอบในเรื่องความประพฤติ การกระทำความผิดที่เป็นโทษทางอาญา และพฤติการณ์ ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐสำหรับผู้ขอมีสัญชาติไทยที่มีอายุไม่เกิน 18 ปีบริบูรณ์ ในวันที่ยื่นคำขอมีสัญชาติไทย
[ข้อ 6] ให้ที่ทำการปกครองจังหวัดประสานกับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจารณา เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้กำกับการขึ้นไปที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำการในพื้นที่แต่ละอำเภอภายในเขตจังหวัด เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดให้มีคำสั่งแต่งตั้งเป็นผู้รับรองความประพฤติของผู้ยื่นคำขอ
ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นสมควร อาจพิจารณาแต่งตั้งให้ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร แห่งใดแห่งหนึ่ง ให้มีอำนาจหน้าที่รับรองความประพฤติของผู้ยื่นคำขอที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตท้องที่ รับผิดชอบของสถานีตำรวจภูธรแห่งอื่นได้โดยอนุโลม
ให้ผู้รับรองความประพฤติของผู้ยื่นคำขอที่ได้รับการแต่งตั้ง พิจารณารับรองความประพฤติ ของผู้ยื่นคำขอ โดยขั้นตอนและวิธีการให้เป็นไปตามที่อธิบดีกรมการปกครองประกาศกำหนด
[ข้อ 7] ผู้ใดได้รับสัญชาติไทยตามประกาศนี้แล้ว ภายหลังปรากฏว่าการได้มาซึ่งสัญชาติไทย ไม่เป็นไปตามลักษณะหรือเงื่อนไขตามประกาศนี้ หรือบุคคลดังกล่าวกระทำการใด ๆ อันเป็นการ กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงหรือขัดต่อประโยชน์ของรัฐหรือเป็นการเหยียดหยามประเทศชาติ หรือกระทำการใด ๆ อันเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติที่ทราบเหตุแห่งพฤติการณ์ดังกล่าวรายงานต่ออธิบดีกรมการปกครอง เพื่อดำเนินการถอนสัญชาติไทยของผู้นั้นตามกฎหมาย
[ข้อ 8] กรณีที่อธิบดีกรมการปกครองหรือผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักบริหาร การทะเบียนหรือนายอำเภอ แล้วแต่กรณี ได้พิจารณาสั่งให้ลงรายการสัญชาติไทย ตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ ศ 2508 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ ศ 2551 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ ศ 2559 ในทะเบียนราษฎรแล้ว เฉพาะกรณีสั่งให้ลงรายการในทะเบียนราษฎร ตามข้อ 2 ของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การสั่งให้คนที่เกิดในราชอาณาจักรและไม่ได้รับสัญชาติไทย โดยมีบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป และการให้สัญชาติไทยเป็นการเฉพาะราย ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 และอยู่ระหว่างการกำหนดเลขประจำตัวประชาชนให้ถือว่าเป็นคำขอตามประกาศฉบับดังกล่าว ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกรมการปกครองประกาศกำหนด และให้
[ข้อ 9] บรรดาคำขอมีสัญชาติไทย ตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ ศ 2508 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ ศ 2551 เฉพาะกรณีคำขอตามข้อ 2 ของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การสั่งให้คนที่เกิดในราชอาณาจักรและไม่ได้รับ สัญชาติไทย โดยมีบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป และการให้สัญชาติไทย เป็นการเฉพาะราย ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ ศ 2559 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของอธิบดีกรมการปกครองหรือผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้อำนวยการ สำนักบริหารการทะเบียนหรือนายอำเภอ แล้วแต่กรณี ให้ถือว่าเป็นคำขอตามประกาศนี้ และให้ดำเนินการ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกรมการปกครองประกาศกำหนด
[ข้อ 10] หากพ้นกำหนดระยะเวลาตามข้อ 1 การยื่นคำขอมีสัญชาติไทย ตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ ศ 2508 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ ศ 2551 ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การสั่งให้คนที่เกิดในราชอาณาจักร และไม่ได้รับสัญชาติไทย โดยมีบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป และการให้ สัญชาติไทยเป็นการเฉพาะราย ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ ศ 2559
เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและความชัดเจนในการดำเนินการให้บุคคลตามข้อ 3 ของประกาศฉบับนี้ ที่ยื่นคำขอภายในระยะเวลาตามข้อ 1 ยังคงได้รับสิทธิ์ตามประกาศฉบับนี้ต่อไป แม้ระยะเวลาที่กำหนด จะสิ้นสุดลง ทั้งนี้ ให้กระบวนการพิจารณาและดำเนินการตามคำขอยังคงเป็นไปตามหลักเกณฑ์และ เงื่อนไขของประกาศฉบับนี้จนกว่าจะแล้วเสร็จ
[ข้อ 11] ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามประกาศนี้ และให้มีอำนาจวินิจฉัยปัญหา และแก้ไขอุปสรรคเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามประกาศนี้
ประกาศ ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ ศ 2568
ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย