เร่งรัดศูนย์ขนส่งชายแดน One Stop Service ด่านนครพนม อำนวยความสะดวกการค้า ส่งไปลาว เวียดนาม จีน
29 เมษายน 2568 – นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนในพื้นที่ ที่ด่านศุลกากรนครพนม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมด่านศุลกากรนครพนมครั้งนี้ เป็นการอัปเดตหน้างานและติดตามความคืบหน้าโครงการศูนย์ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ตามข้อสั่งการของอดีตนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ทั้งนี้ ได้รับทราบว่ายังมีอุปสรรคบางข้อ โดยการประชุมในวันนี้จะได้หารือรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นหรือผลักดันให้การดำเนินงานของศูนย์ One Stop Service ให้เสร็จตามเป้าหมาย
นางชนัยพร พูนน้อย นายด่านศุลกากรนครพนม กล่าวรายงานมูลค่าการค้าชายแดนของด่านศุลกากรนครพนมในปีงบประมาณ 2568 (6 เดือนแรก) มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 42,909 ล้านบาท โดยมีสินค้าที่นำเข้าสูงสุด 5 อันดับแรก คือ
- พลังงานไฟฟ้า จาก สปป. ลาว มีมูลค่า 2,566 ล้านบาท
- แบตเตอรี่ จากประเทศจีน มีมูลค่า 1,811 ล้านบาท
- ปุ๋ยเคมี จาก สปป. ลาว มีมูลค่า 1,779 ล้านบาท
- โทรศัพท์มือถือ จากประเทศจีน มีมูลค่า 972 ล้านบาท
- ของอื่น ๆ ทำด้วยพลาสติก จากประเทศจีนมีมูลค่า 920 ล้านบา
ส่วนสินค้าที่ส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรกในปีงบประมาณ 2568 (6 เดือนแรก) คือ
- ผลไม้สด (ทุเรียน มังคุด ลำไย ตามลำดับ) ปลายทางที่ประเทศจีน มีมูลค่า 5,977 ล้านบาท
- เครื่องดื่มบำรุงกำลัง ปลายทางที่ประเทศเวียดนาม มีมูลค่า 4,956 ล้านบาท
- โค กระบือมีชีวิต ปลายทางที่เวียดนาม มีมูลค่า 2,516 ล้านบาท
- ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ปลายทางที่ สปป.ลาว มีมูลค่า 1,498 ล้านบาท
- แผงวงจรไฟฟ้า ปลายทางที่ประเทศจีน มีมูลค่า 591 ล้านบาท
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก รายงานผลความคืบหน้าโครงการก่อสร้างศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ปัจจุบันมีความก้าวหน้าในการก่อสร้างกว่า 95% และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2568 ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้เป็นศูนย์ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) สามารถดำเนินพิธีการนำเข้าและส่งออกได้ในจุดเดียว ตามมติคณะรัฐมนตรีและวัตถุประสงค์ของโครงการ ตลอดจนให้เป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญาร่วมลงทุน (PPP) ซึ่งกำหนดให้ภาครัฐมีหน้าที่รับผิดชอบในการประสานและจัดตั้งศูนย์บริการดังกล่าว โดยขอให้หน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจปล่อยสินค้า (Customs, Immigrations and Quarantines : CIQ) พิจารณาจัดเจ้าหน้าที่เข้ามาปฏิบัติงานภายในศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม และดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง เช่น การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย/ระเบียบของหน่วยงาน เป็นต้น
ซึ่งผลประโยชน์ที่ได้จากโครงการก่อสร้างศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม เป็นการเปิดประตูการค้า และเสริมสร้างเศรษฐกิจ ทั้งเพิ่มการจ้างงานให้กับจังหวัดนครพนมและจังหวัดใกล้เคียง ช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ให้แก่ผู้ประกอบการ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ นอกจากนี้ ยังผลักดันให้จังหวัดนครพนมก้าวขึ้นเป็น Gateway และศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน พร้อมทั้งลดข้อจำกัดของภาครัฐในการดำเนินโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายและข้อสั่งการ โดยขอให้ด่านศุลกากรนครพนม พัฒนาระบบการตรวจปล่อยสินค้าให้มีความรวดเร็ว โปร่งใส และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อลดต้นทุนเวลาและค่าใช้จ่ายของภาคเอกชน พร้อมทั้งให้ดูแลภาระค่าธรรมเนียมที่ผู้ประกอบการขนส่งต้องแบกรับจากการขนส่งสินค้า ช่วยอำนวยความสะดวกการค้าชายแดนให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น และผลักดันให้การส่งออกเติบโตตามนโยบายรัฐบาล
ส่วนหน่วยงานความมั่นคงชายแดน นายกรัฐมนตรีสั่งการให้เฝ้าระวังการลักลอบสินค้าผิดกฎหมาย และยาเสพติดอย่างเข้มงวด ควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกแก่การค้าและการเดินทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ ขอให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลักดันการส่งเสริมสินค้าท้องถิ่น และการจับคู่ธุรกิจข้ามแดน เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ และให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่ต้องบูรณาการข้อมูลข่าวสารร่วมกันเพื่อให้การบริหารจัดการการค้าชายแดนมีประสิทธิภาพ
การขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยและสปป.ลาว มอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาพื้นที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 (นครพนม – คำม่วน) ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดนครพนมต่อไป