Home » รวบอดีต รปภ. มีชื่อเป็น CEO บริษัท ออกใบกำกับภาษีปลอม
Posted in

รวบอดีต รปภ. มีชื่อเป็น CEO บริษัท ออกใบกำกับภาษีปลอม

รวบอดีต รปภ. มีชื่อเป็น CEO บริษัท ออกใบกำกับภาษีปลอมกว่า 4,441 กว่าฉบับ เสียหายกว่า 493 ล้านบาท

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่
ชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.2 บก.ปอศ. จับกุมผู้ต้องหาชื่อ นายเอกพลฯ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.267/2567 ลงวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ในฐานะนิติบุคคลและฐานะส่วนตัว เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออก” เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร อันเป็นความผิดตามมาตรา 90/4 (3) แห่งประมวลรัษฎากร”

ในช่วงเดือนภาษีมกราคม 2557 ถึงเดือนภาษีธันวาคม 2558 เจ้าพนักงานกรมสรรพากรพบว่า บริษัท เอส.พี เปเปอร์ แอนด์ รีไซเคิล จำกัด ประกอบกิจการผลิตกระดาษลอนลูกฟูก และกระดาษแข็ง และจำหน่ายกล่องกระดาษ รับซื้อ ขายเศษกระดาษรีไซเคิล ต่อมาบริษัทฯ ดังกล่าวปิดลง ไม่ได้ประกอบกิจการ และไม่มีป้ายชื่อบริษัทฯ เจ้าพนักงานจึงเชิญนายเอกพลฯ ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทฯ ดังกล่าวมาพบ แต่เมื่อถึงกำหนดนัดหมาย กลับไม่มีผู้ใดมาพบและไม่นำส่งเอกสารหลักฐานเพื่อพิสูจน์เกี่ยวกับ การประกอบกิจการ และการออกใบกำกับภาษีโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง

จากการสืบสวนและตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องปรากฏว่า บริษัทฯ ดังกล่าวได้นำใบกำกับภาษี ที่ออกโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมายของกลุ่มผู้ค้าของเก่า เศษโลหะ อลูมิเนียม ทองแดง มาใช้เป็นภาษีซื้อ และบริษัทฯ ไม่มาพบเจ้าพนักงานฯ เพื่อพิสูจน์การได้มาซึ่งใบกำกับภาษี จึงถือว่าบริษัทฯ ไม่มีสินค้าเพื่อขาย

แต่พบว่า บริษัทฯ ได้ออกใบกำกับภาษีขายสำหรับเดือนภาษีมีนาคม 2557 ถึงเดือนภาษีธันวาคม 2557 ให้แก่นิติบุคคลรวมจำนวน 128 ราย รวมใบกำกับภาษีจำนวน 4,441 ฉบับ ซึ่งการออกใบกำกับภาษีดังกล่าว เป็นใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งได้ประเมินภาษี มูลค่าเพิ่ม พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม รวมเป็นเงินจำนวนกว่า 493 ล้านบาท

จึงเชื่อได้ว่าบริษัทดังกล่าว ได้ออกใบกำกับภาษีให้กับนิติบุคคลจำนวน 128 ราย โดยไม่มีการซื้อขายสินค้าหรือให้บริการจริง ซึ่งเป็นการ ออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร อันเป็นความผิดตามมาตรา 90/4 (3) แห่งประมวลรัษฎากร

ต่อมา พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. ได้อออกหมายเรียกเพื่อติดต่อตัวกรรมการมาทราบข้อกล่าวหา แต่ก็ไม่มีผู้ใดมาพบพนักงานสอบสวนตามที่ออกหมายเรียกไป จึงเชื่อได้ว่ามีพฤติการณ์หลบหนี พนักงานสอบสวนจึงได้ขออนุญาตศาลเพื่อออกหมายจับ นำตัวกรรมการเป็นผู้รับผิดชอบมาดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป

หลังจากที่ศาลได้อนุมัติหมายจับแล้วนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวน ติดตามตัวผู้ต้องหาจนสืบทราบว่า นายเอกพลฯ ผู้ต้องหา ได้หลบหนีมาอยู่ในบริเวณแถวชุมชนริมคลองลาดพร้าว 80 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ชุดจับกุมฯ จึงได้เดินทางไปเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณดังกล่าว ขณะที่ผู้ต้องหากำลังเดินออกมา จากบ้านพักภายในชุมชนดังกล่าว จึงได้เข้าแสดงตัวขอตรวจสอบพบว่าเป็นผู้ต้องหา ตามหมายจับจริง จึงดำเนินการจับกุมบริเวณดังกล่าว และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่าตน ไม่รู้จักบริษัท เอส.พี เปเปอร์ แอนด์ รีไซเคิล จำกัด และไม่เคยเป็นกรรมการบริษัทใด ๆ มาก่อน โดยให้การเพียงว่า เดิมตนเองอาศัยอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี แต่ไม่มีงานทำจึงได้เข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ ต่อมามีชาย ซึ่งจำชื่อสกุลจริงไม่ได้ ให้ข้อเสนอว่าจะหางานให้ทำโดยมีการให้กรอกเอกสารสมัครงานเพื่อทำงานเป็นพนักงาน รักษาความปลอดภัยพร้อมทั้งขอบัตรประจำตัวประชาชนไปเก็บไว้ในครอบครอง เพื่อดำเนินการในเรื่องการสมัครงานให้ ซึ่งผู้ต้องหาได้มอบบัตรประชาชนไว้ให้ และละเลยไม่ใส่ใจว่าจะมีการนำมาใช้ในการกระทำ ความผิดดังกล่าว

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า